Section 1 : ค่ำคืนของวันสิ้นสุด
ภาพบรรยากาศโลกที่กำลังล่มสลาย ซูบินถือหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งอาจจะมีนัยยะแฝงบางอย่างส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขเรื่องราว ซูบบินเลือกที่จะเอาไปให้ยอนจุนกลับกลายเป็นว่าเห็นยอนจุนบาดเจ็บ (เหมือนซูบินจะรู้ว่ายอนจุนจะตายหรือรู้อะไรมากกว่านี้)
Section 2 : บทเพลงแห่งดวงดาว
ซูบินตื่นขึ้นมา พบว่าตนเองอยู่ในห้องซ้อม ซึ่งน่าจะเป็นโลกแห่งความจริง ไม่ใช่นิมิต จนซูบินเริ่มรู้สึกถึงอะไรแปลกๆที่เกิดขึ้นท่ามกลางเพื่อนๆที่ทำตัวปกติ ถ้าเทียบกับตอน Magic Island(Magic Island MV)ซูบินจะได้ยินเสียงแปลกๆตลอด
ต่อมาฉากเปิดประตูหน้าลิฟท์ ซึ่งเราจะเห็นฉากนี้ได้ในหนังผีซะส่วนใหญ่ เราเลยมองว่าฉากไฟดับๆติดๆนี่เหมือนใครซักคนในอีกมิติหนึ่งพยายามส่งสารให้ซูบินทราบ ถึงอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นสัญญาณแจ้งเหตุอันตรายก็ได้ดังขึ้น เข็มนาฬิกาเดินย้อนกลับทำให้นึกถึงตอนเหมือนใน Run Away(Run Away MV) ที่สามารถย้อนเวลาได้ ทุกคนมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว ภาพได้สลับฉากทุกคนในร่างปกติและทุกคนในร่างปีศาจ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงหนังเรื่อง Dr.Jekyll and Mr.Hyde (เรื่องย่อ) ชายหนุ่มผู้มีสองบุคลิคสองจิตสองใจโดยร่างแรกจะเป็นในร่างของคุณหมอผู้มีจิตใจดี ส่วนอีกร่างจะเป็นร่างที่ชั่วร้าย
![]() |
ซูบินตอนเป็นปีศาจ |
![]() |
บอมกยูตอนเป็นปีศาจ |
![]() |
ยอนจุนตอนเป็นปีศาจ |
![]() |
แทฮยอนตอนเป็นปีศาจ |
โดยทั้งสองร่างนี้เกี่ยวพันกันอย่างเหนียวแน่นและความเกี่ยวพันนี้สะกดความชั่วเอาไว้ ด้วยการสำนึกถึงความดีงาม ซึ่งผู้เขียนมองว่าความรู้สึกของทุกคนในตอนนั้นคงกลัว สับสน จึงทำให้ปีศาจด้านมืดในจิตใจถูกปลุกขึ้นมา ซูบินเห็นถึงความผิดปกติ เห็นถึงตัวอักษรที่เขียนไว้บนหน้าต่างที่เขียนเตือนเอาไว้ แปลว่า ตามหาสิ่งที่ล่องลอยอยู่บนฟ้า(อาจสื่อถึงมังกรที่อยู่ใน MV Magic Island) สุดท้ายพวกเราจะกลายเป็นแบบนี้หรอ? (อาจหมายถึงชะตากรรมของแต่ละคน) หายใจไม่ออก เราต้องออกไป อย่าขึ้นบันไดไป และต่อมาซูบินได้เปิดประตูและร่างของซูบินได้ถูกดึงเข้าไปอีกช่วงเวลา
ซึ่งที่ที่ซูบินถูกดึงไปคือมิติที่มีบาเรียกั้นอยู่ จนซูบินเดินออกไปนอกบาเรียดังกล่าว บรรยากาศได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้วก็ได้พบเข้ากับลูกเต๋า 20 หน้า ที่มีพลังเวทย์แฝงอยู่ทำให้วงแหวนเวทย์ปรากฏขึ้น ซึ่งวงแหวนเวทย์ได้แตกต่างจากของ MV Run Away โดยสิ้นเชิงโดยวงแหวนเวทย์ครั้งนี้มีความหมายว่า การฟื้นคืนชีพ ความเป็นอมตะ โดยความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับวงแหวนจะใช้เกี่ยวกับการอัญเชิญวิญญาณ หรือ ปีศาจ
หลังจากนั้นฮยูนิงไคในวัยเด็กได้ออกมาจากบาเรียและชนเข้ากับซูบินก่อนจะหายไปในความมืด ฉากนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงหนังเรื่อง IT (เรื่องย่อของIT) ตัวตลกที่ชอบใช้คำพูดล่อลวงและชักจูงเด็ก และโดนหลอกง่าย การที่น้องหายไปในความมืดอาจตีความหมายได้ว่าน้องอาจตาย เมื่อซูบินเห็นอย่างนั้นจึงเศร้าและร้องไห้ออกมาเพราะเสียใจที่ช่วยไม่ทัน จนมีวิญญาณหญิงสาวออกมาโอบกอดซูบินเอาไว้ ซึ่งสันนิษฐานไว้ว่าผู้หญิงคนนี้อาจเป็นคนเดียวกับที่อยู่ใน MV Magic Island ซึ่งเธออาจมาคอยบอกอะไรบางอย่างกับซูบิน และอาจมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับซูบินและฮยูนิงไค
Section 3 : คำสัญญา
สัญญาณแจ้งเหตุอันตรายได้ดังขึ้นยอนจุนหันมองไปรอบๆ พบกับบรรยากาศที่มืดสนิทจนเห็นแสงที่ลอดผ่านประตูจึงเดินไปตามทางดังกล่าวจนไปพบกับฉากใน Section 1 ฉากที่โลกกำลังล่มสลาย ยอนจุนมองไปรอบๆและพบกับร่างของตนเองที่ตาย
จนยอนจุนเห็นแมวตาสองสีที่ปรากฏออกมาให้เห็นบ่อยๆ ซึ่งใน MV Magic Island ยอนจุนเป็นคนสัมผัสได้ถึงพลังลี้ลับได้ ใน Section 3 : คำสัญญา เหมือนเป็นการแสดงนิมิตให้เห็นว่า ยอนจุนอาจเคยให้คำสัญญาอะไรกับแมวตาสองสี
ซึ่งใน MV Nap Of A Star(Nap Of A Star MV) จะมีฉากนึงที่ยอนจุนได้พบกับแมวตัวนี้และพยายามถอยหนี เหมือนพยายามหนีปัญหาดังกล่าว แมวเลยพยายามแสดงนิมิตให้เห็นว่าหากไม่รีบทำตามที่สัญญาไว้อนาคตอาจเป็นเช่นนี้
Section 4 : เบอร์ 17
ในฉากจะให้เราเห็นว่าบอมกยูจะชอบถือโทรศัพท์อัดไว้ตลอดเวลา ราวกับผู้เฝ้ามองและคอยบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ จากนั้นบอมกยูจะถูกย้ายไปในห้องกระจกที่ซ้อนทับกันหลายๆชั้น สะท้อนภาพของบอมกยูออกไปอย่างไม่มีจุดจบ
อาจตีความได้ว่ากระจกแสดงถึงความไม่มั่นใจในตัวเองว่าสิ่งที่อยู่ ณ ปัจจุบันกับสิ่งที่อยู่ในกระจกอะไรเป็นสิ่งที่ต้องการ กรณีของบอมกยูใช้กระจกสะท้อนเป็นแนวยาวออกไปเหมือนมีความลังเลที่อยู่ภายในใจมากว่าจะเชื่อข้างไหน
ต่อมาเลเยอร์ได้ถูกซ้อนทับกลายเป็นประตูหมายเลข 17 ในภาษาโรมันเลข 17 XVII มีความหมายว่า "My life is over" หรือ "I'm dead" ซึ่งประโยคนี้จะปรากฏอยู่บนหลุมฝังศพ เมื่อเขียนเป็นเลขอารบิกเลข 1 จะมีสัญลักษณ์เหมือนถูกแขวนคอ ส่วนเลข 7 แทนที่แขวนคอ
เมื่อบอมกยูเปิดประตูแล้วก็พบกับตัวเองในนิมิตที่กำลังคุยกับใครซักคนอยู่ โดยในมือถือหนังสือที่ปรากฏใน Section 1 ไว้สถานการณ์เริ่มเปลี่ยยนเป็นการทะเลาะวิวาทจนทำให้ตัวบอมกยูในนิมิตได้กลายร่างเป็นปีศาจที่มีหนามงอกออกมา
ในฉากนี้จะมีการใช้จิตวิทยาเรื่อง "สี"
สีแดง : ความรัก ความรุนแรง อันตราย ความโกรธ ในฉากที่บอมกยูเหมือนจะโกรธเพื่อนและสื่อเหมือนมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น
สีเขียว : ธรรมชาติความไม่ซื่อสัตย์ เป็นลางร้าย ลางสังหรณ์ความชั่วร้ายและอันตรายก็คือฉากที่กลายเป็นปีศาจ
ส่วนหนังสือที่บอมกยูถือนั้นคือตำราที่มีสัญลักษณ์ดาวแปดแฉกนี้มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสองอันซ้อนกันทำมุม 45 องศา โดยมีชื่อเรียกว่า ดาวของเมลคีเซเดค หมายถึงกฎแห่งกรรม วัฏจักรแห่งชีวิต การเกิดหรือการเริ่มต้นใหม่ และหมายเลข 8 เป็นหมายเลขแห่งความศรัทธา โชคชะตาและความยุติธรรม เมื่อรวมกันแล้วจึงมีความหมายถึงการฟื้นคืนชีพ ความเป็นอมตะ และความเจริญรุ่งเรือง
อีกแง่หนึ่งหนังสือดังกล่าวอาจจะหมายถึงความหวังที่บอมกยูในนิมิตพยายามกอดและปกป้องมันเอาไว้ และเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่สุดท้ายบอมกยูก็ถูกผลักให้ล้มลง จนจิตใจด้านดีถูกแทนที่ด้วยจิตใจด้านมืดจนกลายเป็นปีศาจที่ฆ่าคนในห้อง ทำให้บอมกยูที่อยู่นอกประตูลังเลว่าแท้จริงแล้วหนังสือที่ทุกคนเชื่อว่าเป็นความหวังแท้จริงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยหรือเปล่า
Section 5 : ที่หลบภัยถูกระงับลงชั่วคราว
แทฮยอนถูกพามายังโลกนิมิตที่เต็มไปด้วยทุ่งดอก Pansy และได้พบกับร่างยอนจุนที่ตายลงด้วยการปาดคอซึ่งเหมือนกับใน Nap Of A Star ฉากที่ยอนจุนเจอแมวตาสองสี แล้วถูกปาดคอแต่แตกต่างกันในเรื่องของสีของเลือด
ฉากที่ยอนจุนตายท่ามกลางทุ่งดอกไม้คือดอก Pansy ซึ่งมีความหมายว่า ความทรงจำ การระลึกถึง ซึ่งดอกไม้ดังกล่าวมีลักษณะที่คล้ายกับหน้าคนคิดอยู่ แต่ทว่าช่วงท้ายใบหน้าของดอกไม้เปลี่ยนไปซึ่งคล้ายกับใบหน้าของหัวกระโหลก อาจสื่อถึงความตาย
แทฮยอนอาจเป็นเหมือนผู้ที่มองเห็นความหมายที่แท้จริงของยอนจุนก็เป็นได้ เนื่องจากการตายของยอนจุนตายในสภาพที่เรียกได้ว่า สวยงามเหมือนดั่งศิลปะ อีกทั้งในโลกนิมิตทุกคนล้วนมีภาพลักษณ์ออกมาในลักษณะของปีศาจ ซึ่งแทฮยอนมีลักษณะพิเศษคือ ดวงตาจึงอาจเป็นไปได้ว่าแทฮยอนได้มองเห็นความจริงของการเสียสละของยอนจุน สีเลือดสีม่วง เป็นสีประจำตราบาปอัตตา
บาปอัตตาเป็นตัวแทนของปีศาจชนิดหนึ่งซึ่งผู้เขียนคิดว่าการตายของยอนจุนเหมือนเป็นการสังเวยร่างให้กับปีศาจ เพื่อเป็นไปตามคำสัญญาที่ให้กับแมวไว้ ในตอนท้ายเราก็จะเห็นได้ว่าเลือดที่หลั่งออกมาจากตัวยอนจุนแม้จะทำให้เหล่าดอกไม้เบิกบานแต่สุดท้ายดอกไม้ก็กลายเป็นหน้าหัวกระโหลก
Section 6 : เด็กสาวแห่งนิรันด์
สัญญาณแจ้งเหตุอันตรายได้ดังขึ้น ฮยูนิงไคมองไปยังบรรยากาศรอบๆจนสายตาสะดุดกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่หน้าลิฟท์ แตกต่างกับของซูบินเพียงแค่ ฮยูนิงไคสามารถมองเห็นร่างของวิญญาณสาวได้ แต่ซูบินเห็นเพียงลิฟท์
ผู้เขียนรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องมากๆแน่ๆ ฮยูนิงไคถึงได้วิ่งและตามไปจนภาพนิมิตได้ถูกแสดงให้เห็นถึงบันไดที่พาขึ้นไปยังประตู ถ้าย้อนกลับไปช่วง Section 1 ที่มีการเตือนไว้ว่า อย่าขึ้นบันไดไป แต่ฮยูนิงไคกลับขัดคำสั่งและขึ้นไป
(ผู้เขียนคิดว่าที่เขียนเตือนไว้จะมีแค่ซูบินเท่านั้นที่เห็น) ฮยูนิงไคขึ้นบันไดไปจนไปพบเข้ากับบรรยากาศที่เหมือนสวรรค์เหมือนเป็นการนิรันดร์ และประตูอีกฝั่งได้ถูกเปิดขึ้น เป็นสมาชิกที่เหลือที่เดินเข้ามา จังหวะที่ฮยูนิงไคเดินตรงไปเพื่อไปหาคนอื่น ฮยูนิงไควิ่งออกไปเหยียบน้ำ
ทำให้นึกถึงลูซิเฟอร์ แล้วสิ่งที่คอยชักจูงลูซิเฟอร์ให้ทำในเรื่องไม่ดีนั่นก็คือซาตาน ผู้เขียนเลยลองมองในมุมกลับกันหากวิญญาณผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ผู้หญิงที่ฮยูนิงไครู้จัก หากลองนึกถึงหนังเรื่อง IT ที่ชอบกลายร่างเป็นคนสำคัญและคอยหลอกชักจูงเด็ก ในกรณีนี้ผู้เขียนคิดว่าฮยูนิงไคอาจถูกชักจูงให้ขึ้นบันไดไป ซึ่งเป้นสิ่งที่เค้าห้ามแต่ก็ยังทำ และเมื่อเปิดประตูออกมาพบกับสมาชิกที่เหลือ ที่ไม่ใช่ร่างสมาชิกที่เหลือจริงๆแต่คือ IT แปลงกายมาหลอกให้วิ่งไปอีกฝั่ง และฮยูนิงไคได้วิ่งออกไปจนเหยียบน้ำและจมตกลงไปเหมือนกับเทวดาที่ตกสวรรค์
ฮยูนิงไคเปรียบเหมือนเทวดา ผู้มีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนดั่งเด็กน้อย จนมาถึงเพลง Angel Or Devil(Angel Or Devil MV) ที่ถ่ายทอดออกมาในแง่ของช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตวัยรุ่นจนเด็กหนุ่มพบเจอกับสังคมที่โหดร้ายจนกลายมาเป็นปีศาจทำให้นึกถึงลูซิเฟอร์ ลูซิเฟอร์เป็นเทวดาคนสนิทของพระเจ้า จนวันนึงลูซิเฟอร์เกิดความเย่อหยิ่ง ทะนงตน เพราะคิดว่าตนเองมีพลังทัดเทียมกับพระเจ้าเลยต้องการจะล้มพระเจ้่าและจะตั้งตนเป็นพระเจ้าแทน แต่ไม่สำเร็จเลยร่วงตกสู่ขุมนรกนั่นเอง
Section 7 : จุดเริ่มต้นของจุดจบ
บรรยากาศกลับมาสัญญาณแจ้งเหตุอันตรายได้ดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนอยู่พร้อมหน้ายกเว้นซูบิน ที่เดินเข้ามาในห้องภายหลัง เวลากลับมาเดินอย่างเดิม สัญญาณแจ้งเตือนอันตรายหยุดลง ทุกคนทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงแต่ซูบินที่มีทีท่าแปลกไป ทำให้ผู็เขียนมั่นใจว่าซูบินเป็นคนเดียวที่สามารถเห็นนิมิตในอดีตของฮยูนิงไค ส่วนสมาชิกที่เหลือจากเหตุการณ์นั้นทำให้เห็นนิมิตในอนาคตของตัวเอง และผู้เขียนคิดว่าลูกเต๋า 20 หน้าเป็นตัวแก้ไขอะไรบางอย่างได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก @mildlittlemy (จากtwitter)
เนื้อเรื่องน่าสนใจและน่าติดตามมากๆเลยค่ะ
ตอบลบเราชอบวงนี้อยู่แล้ว ขอบคุณที่ทำบล็อกนี้นะคะ
ตอบลบ